ช่างภาพส่งภาพ แบบไหนกันบ้าง? หลายคนที่พึ่งเริ่มเข้าวงการมานั้นอาจจะยังไม่ทราบถึงวิธีการส่งงานภาพถ่ายสมัยก่อนว่าเมื่อก่อนช่างภาพเค้าส่งงานลูกค้ากันอย่างไรวันนี้ FlashDriveDD จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับวิวัฒนาการการส่งงานของช่างภาพแต่ละยุคกันว่าเค้าส่งกันยังไงอยากรู้ตามมาดูกันเลยครับ
1.ช่างภาพส่งภาพ แบบอัลบั้มภาพหรืออัดภาพส่ง
เนื่องจากสมัยก่อนการถ่ายภาพนั้นยังไม่ค่อยบูมและเป็นที่แพร่หลายมากนัก เนื่องจากกล้องยังมีราคาแพงการถ่ายภาพนั้น เลยถ่ายกันเฉพาะในกลุ่มคนที่มีรายได้สูงและส่วนใหญ่คนที่รับถ่ายภาพนั้นจะเป็นสตูดิโอซึ่งการส่งงานสมัยก่อนนั้นเป็นการอัดรูปถ่ายส่งงานเป็นอัลบั้มหรือภาพขนาดใหญ่ตามแพ็คเกจ
[box type=”info”]FlashDriveDD มองว่าการส่งภาพแบบนี้ถือว่าคลาสสิกที่สุดครับ ซึ่งในสมัยก่อนก็คงเป็นแบบอื่นไปไม่ได้เนื่องจากข้อจำกัดของเทคโนโลยี แต่ข้อดีคือมันสามรถจับต้องได้ สำหรับคนชอบถ่ายภาพบางคนมีอัลบั้มเป็นตู้ๆ เลยอยู่ที่บ้าน แต่ข้อเสียคือเมื่อภาพมันเก่ามากๆ ภาพนั้นอาจจะกรอบแห้ง และลอกได้ในที่สุด หากมีเยอะมากแล้วไม่จัดระเบียบเป็น พ.ศ. หรืองานที่ถ่าย ก็จะหาภาพยาก หรือเกิดไฟไหม้ก็วอดกันไป บางภาพอาจถูกหยิบยืมไปแล้วไม่ได้คืนก็มีครับ[/box]
2. ส่งเป็นซีดี
ถัดมาในยุคช่วงที่เป็นกล้องดิจิตอลเฟื่องฟู ภาพถ่ายสามารถเลือกลบได้ ซึ่งในยุคก่อนหน้านี้กล้องดิจิตอลยังไม่ค่อยมีความละเอียดมากนักไฟล์ภาพถ่ายจึงยังมีขนาดเล็กทำให้ส่งงานผ่าน CD ได้สบายๆ ช่างภาพบางคนอาจแถมไฟล์อัดเป็นอัลบั้มภาพให้กับลูกค้าไปด้วยเพราะลูกค้าบางคนยังไม่เข้าใจเรื่องการล้างภาพดิจิตอลมากนัก
[box type=”info”]FlashDriveDD พบว่า CD ในสมัยก่อนมีความจุประมาณ 700 MB ถ้าหากความจุประมาณนี้ใส่ภาพประมาณรูปละ 3 MB ได้จำนวน 233 รูป ซึ่งก็ OK นะเพราะงานๆ หนึ่งถ่ายทั้งงานโดยรวมก็ประมาณนี้ครับ แต่ข้อเสียคือต้องเปิดกับคอมพิวเตอร์ที่มีช่องใส่ CD และจำเป็นต้องบันทึกไฟล์ไว้ในคอมด้วย เพราะอายุการใช้งาานของ CD ก็มีจำกัดครับ[/box]
3. ส่งเป็น DVD
หลังจากการถ่ายภาพได้รับความนิยมมากขึ้นประกอบกับกล้องดิจิตอลพัฒนาไปไกลเป็น DSLR ทำให้ไฟล์ภาพมีขนาดใหญ่และละเอียดมากยิ่งขึ้นจากซีดีเมื่อก่อนก็ใส่งานไม่พอแล้วจึงต้องขยายเป็นดีวีดีเพื่อให้ใส่ภาพได้หมดและใช้จำนวนแผ่นที่น้อยลงซึ่งการส่งงานรูปแบบนี้เราจะพบเห็นกันได้บ่อยๆ เพราะช่างภาพยุคนี้เลือกส่งงานเป็นดีวีดีกัน [box type=”info”]FlashDriveDD พบว่า DVD มีหลากหลายขนาดเลยในปัจจุบัน ความจุมีตั้งแต่ 4.7 GB / 5.2 GB / 9.4 GB ถือว่าเยอะพอสมควรและเพียงพอที่จะใส่ภาพสำหรับงานๆ หนึ่ง ล่าสุดผมก็ได้ไฟล์จาก DVD จำนวน 2 แผ่นกับงานที่จ้างช่างภาพคนหนึ่งใน DVD box set สามารถปริ๊นรูปใส่ใน DVD และปกของ DVD ได้อีกด้วย แต่ DVD ก็มีหลากหลายเกรดให้เลือก ด้วยเช่นกันช่างภาพหากต้องการส่งงานผ่าน DVD ควรเลือกเกรดดีที่สุดเพราะในเรื่องความคงทนในการเก็บไฟล์ในระยะยาวของลูกค้า หากลูกค้าบางคนคิดว่า DVD สามารถเก็บได้ตลอดเค้าจะไม่ยอมเอาออกไว้ในคอมพิวเตอร์ทำให้เสี่ยงต่อการสูญหายได้[/box]
4. ส่งเป็น Flash drive
ยุคใหม่ของวงการช่างภาพที่เพิ่มความสะดวกสบายความรวดเร็วในการส่งงานให้มากยิ่งขึ้นผนวกกับขนาดของไฟล์รูปที่มีขนาดใหญ่มากขึ้นทุกวันการส่งงานผ่าน Flash drive จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่กำลังมาแรงจะสังเกตได้จากช่างภาพบางคนเริ่มหันมาใช้การส่งงานด้วยวิธีนี้แล้วเพราะทั้งสะดวก ง่าย รวดเร็วและมีสไตล์ซึ่งแพ็คเกจของแฟลชไดร์ฟนั้นสามารถออกแบบแสะสกรีนลายเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับชิ้นงานดูดียิ่งขึ้นอีกด้วย
[box type=”info”]FlashDriveDD พบว่า การส่งไฟล์ภาพแบบนี้สะดวกทั้งผู้ให้และผู้รับ ผู้รับส่วนใหญ่รู้สึกประทับใจ ขั้นตอนการภ่ายเทภาพลงแฟลชไดร์ฟก็แสนงาน ยิ่งถ้าใช้ความเร็ว USB3.0 กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีช่อง USB3.0 แล้วความเร็วการถ่ายเทงานจะยิ่งสะดวกมากยิ่งขึ้น อันนี้แนะนำสำหรับ Cinematography ที่ชอบถ่ายวิดิโอไฟล์ Raw แล้วต้องการส่งงานต้นฉบับให้ลูกค้าด้วย ทำให้สะดวกมากยิ่งขึ้น ประโยชน์อีกอย่างคือลูกค้าบางคนเมื่อถ่ายเทงานลงบนคอมพิวเตอร์แล้วสามารถฟอร์แมต Flash Drive แล้วนำไปใช้งานต่อได้ หรือถ้าจะเก็บไว้ก็สามารถเก็บไว้ได้นานนับ 10 ปีสำหรับแฟลชไดร์ฟที่มี chip ระดับคุณภาพสักหน่อย เพราะฉะนั้นช่างภาพต้องเลือกดูสักหน่อยว่าควรเลือกแฟลชไดร์ฟราคาประมาณไหนเพื่อส่งงาน ไม่ใช่ว่าเลือกราคาที่ถูกหลักสิบ อย่างนี้ก็ไม่ไหวเพราะแฟลชไดร์ฟก็มีหลากหลายเกรด ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของความเร็วและความคงทนที่จะต้องแปรผันตรงกับราคาด้วยครับ [/box]