วันนี้เรามีเคล็ดลับดี ๆ สำหรับการถ่ายภาพงานแต่งยังไงให้ดูโปร และสมูท เก็บภาพได้ทั้งงาน และได้ภาพที่ตรงใจ ของช่างภาพ ซึ่งปัจจุบัน ช่างภาพหลายๆ คนที่พึ่งเริ่มเข้ามาในวงการถ่ายภาพงานแต่ง หรือ งาน Wedding นั้น อาจยังขาดการเตรียมตัวที่ดีพอ ทำให้ถ่ายงานไม่ค่อยสมูท ไม่ได้ภาพตามที่ต้องการ และพลาดช็อตสำคัญๆ ไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งหลังจากอ่านโพสต์นี้แล้ว รับรองว่างานแต่งครั้งหน้า คุณจะกลายเป็นช่างภาพ มือหนึ่งอย่างแน่นอน
-
ทำการบ้าน เรื่องสถานที่
ก่อนถ่ายงานทุกครั้ง ในสถานที่ใหม่ๆ เราควรจะทำการบ้านเรื่องสถานที่ก่อนวันถ่ายจริง ทั้งการเดินทาง สภาพสถานที่ภายในงาน จุดไหนแสงไม่ถึง หรือควรจะเพิ่มไฟ ฟอลโล่ หรือจุดไหนมุมสวยๆ เป็นไฮไลต์ของงาน ใครเป็นคนปิดเปิดไฟ ห้องควบคุมไฟอยู่ไหน เบอร์โทรช่างไฟ คือเบอร์อะไร ซึ่งข้อมูลทั้งหมดเหล่านี้จะเป็นประโยชน์มากในวันถ่ายงานจริง เพื่อช่วยอำนวยความสะดวก และช่วยในการแพลนถ่ายงานได้ง่ายยิ่งขึ้น
-
วางแผนการถ่ายงาน
การถ่ายเวดดิ้งนั้น หากถ่ายในโรงแรมหรืองานที่ค่อนข้างใหญ่ มักมีช่างภาพมากกว่าหนึ่งคน หรือเป็นทีมงาน เพื่อคอยช่วยเก็บรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อให้ได้ภาพครบทุกมุม และทุกช็อตสำคัญมากที่สุด ดังนั้นการวางแผนงานถ่ายภาพ กับทีมงานให้ดีนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อป้องกันการซ้อนมุมกัน และยังเป็นการแพลนเรื่องของผู้ช่วยถือแฟลชได้ดีอีกด้วย ช่วยให้มีโอกาสได้ภาพสวยๆเยอะขึ้น
-
หา ref
หากใครไอเดียตันๆ หรืออยากได้ไอเดียใหม่ๆ ลองหาดูรูปเวดดิ้งจากช่างภาพคนอื่น หรือจากต่างประเทศ เพื่อเป็นแนวทางในการถ่ายงาน เติมไอเดียให้กับตัวคุณ เพื่อใช้เป็นแบบในการถ่ายงาน
-
ผู้ช่วย
สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือผู้ช่วย ซึ่งผู้ช่วยนั้นมีหลายหน้าที่ เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการถ่ายงาน ของช่างภาพหลัก ไม่ว่าจะเป็นถือแฟลช แบกเลนส์ กันคน เคลียร์พื้นที่ หรือเก็บภาพเบื้องหลัง ซึ่งล้วนแล้วแต่จะช่วยให้งานของช่างภาพง่ายมากยิ่งขึ้น
-
ซักซ้อมพิธีการ
ก่อนการเริ่มพิธีการจริง แนะนำให้ซักซ้อมพิธีการต่างๆ กับผู้ดำเนินพิธีการและบ่าวสาว เพื่อกำหนดมุมถ่ายภาพ และจะได้หามุมถ่ายที่ดีที่สุด ซึ่งแต่ละพิธีจะไม่เหมือนกันแนะนำให้สอบถามทุกครั้งที่ถ่ายงานแต่ง
-
ความพร้อมอุปกรณ์
เรื่องอุปกรณ์นี้สำคัญมาก ช่างภาพทุกคนควรเช็คอุปกรณ์ให้พร้อมทำงาน 100% ก่อนออกถ่ายงานอย่างน้อย 2 วันทุกครั้ง เพื่อที่จะได้มีเวลาซ่อมแซม หรือหากล้องสำรองมาทดแทนกล้องที่เสีย ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้มาก ตามอายุและการใช้งานของอุปกรณ์
-
อุปกรณ์สำรอง
อีกสิ่งหนึ่งสิ่งที่สำคัญ คืออุปกรณ์สำรองต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกล้องสำรอง เมมโมรี่สำรอง แฟลชสำรอง ก็ล้วนแล้วแต่ควรมีติดตัวทั้งสิ้นเพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉินอันไม่คาดคิดได้ ทำให้คุณไม่ต้องเอาตัวเองไม่เสี่ยงเรื่องดราม่ากล้องเสีย ภาพหาย และที่สำคัญการมีกล้องสำรองนั้น จะทำให้คุณสะดวกมากยิ่งขึ้นกับการที่ไม่ต้องเปลี่ยนเลนส์บ่อยๆ ทำให้ไม่พลาดทุกช็อตเด็ดอย่างแน่นอน