ช่างภาพหลายคนอาจกำลังประสบปัญหานี้อยู่ ซึ่งแต่งภาพไม่ทันเพราะมีถ่ายงานติดต่อกันหลายๆ วัน ซึ่งเป็นปัญหาสำหรับช่างภาพมากๆ ทำให้ไม่สามารถรับงานได้มากยิ่งขึ้น ทำให้รายได้ที่ควรจะได้เพิ่มหดหายไป ซึ่งวันนี้เราจะมาแนะนำ 5 เคล็ดลับการปั่นงานส่งลูกค้า ยังไงให้ไว ไม่ดองงาน ตามมาดูกันเลยครับ
- ถ่ายให้สภาพแสงใกล้เคียง หรือค่าเดียวกันมากที่สุด
ซึ่งเทคนิคนี้ เป็นเทคนิค จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก ที่จะทำให้สภาพแสงใกล้เคียงกันมากที่สุด ถามว่าทำไมถึงแนะนำวิธีนี้ เพราะว่ายิ่งเราถ่ายภาพออกมาให้ได้ค่าแสงที่ใกล้เคียงมากที่สุด จะทำให้เราโปรเซสภาพได้ง่าย และคราวละจำนวนมากๆ ทำให้ช่วยย่นระยะเวลาการทำภาพ ส่งลูกค้า ลงได้มากที่เดียว
- อัพสเปกคอมพิวเตอร์ ให้สูงมากยิ่งขึ้น
เนื่องจากปัจจุบัน โปรแกรมแต่งภาพต่างๆ มีการเพิ่มเติมลูกเล่น การตกแต่งภาพมากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่ต้องใช้คอมสเปกสูงในการรันโปรแกรม เพื่อความรวดเร็วของการแต่งภาพ และใช้งานโปรแกรมแต่งรูปให้ลื่นไหล แนะนำให้ อัพสเปกคอม ทั้ง CPU SSD และ Ram เพื่อเพิ่มความเร็วในการประมวลผล โปรแกรมให้เร็วมากยิ่งขึ้น
- ใช้โปรแกรมแต่งภาพ Lightroom
ที่แนะนำโปรแกรมแต่งภาพ Lightroom นั้นเพราะบางคนยังใช้ Photoshop แต่งภาพทั้งหมดอยู่ก็มี ซึ่งเราแนะนำให้ใช้ Lightroom ในการแต่งภาพ เพราะมีฟังก์ชันการแต่งภาพครั้งละมาก ๆ อีกทั้งยังมี Preset แต่งภาพสำเร็จรูปให้ใช้งานอีกด้วย ทำให้ลดระยะเวลาแต่งภาพลงได้หลาย 10 เท่าตัวเลยทีเดียว
- พยามจบหลังกล้อง
อีกหนึ่งเทคนิคการส่งงานลูกค้าให้ไวนั้น คือการพยายามถ่ายให้จบหลังกล้อง หากใครยังไม่เข้าใจว่า จบหลังกล้องคืออะไรนั้น คือ การถ่ายภาพให้ภาพดูดีที่สุด ทั้งแสง ทั้งมุม ไม่ต้องมาแต่งต่อในคอม สามารถส่งไฟล์งานได้เลย หรือพยายามให้ปรับภาพน้อยที่สุด แต่อย่างไรก็ตาม เทคนิคนี้เป็นเทคนิค ที่ต้องฝึกฝนการควบคุมกล้องบ่อย ๆ จนเกิดความชำนาญ และการเข้าใจสภาพแสง บวกกับอุปกรณ์ที่ต้องมีค่อนข้างเยอะนิดนึง เพื่อให้จบหลังกล้อง ซึ่งช่างภาพหลายคนที่มักบอกว่า ส่งงานได้ทันทีหลังถ่ายจบ 1 ชั่วโมง มักใช้เทคนิคนี้ แทบทั้งสิ้น
- จ้างคนทำภาพ เพิ่มเติม
ทางออกสุดท้ายสำหรับคนมีงานถ่ายเยอะมาก ๆ และต้องการเก็บงานมาก ๆ ก็อาจจะหาเด็กมาช่วยทำไฟล์ภาพ สไตล์เดียวกับช่างภาพ โดยผ่านการสอนการตกแต่งภาพตามสไตล์ช่างภาพ ซึ่งจะทำให้ช่างภาพสามารถรับงานได้ไม่จำกัด และมีผู้ช่วยทำไฟล์งาน ทำให้งานเบาและไวมากยิ่งขึ้น
[box type=”info”]FlashDriveDD ขอแนะนำที่การจ้างงานที่หนึ่ง ที่คิดว่าโอเคสำหรับช่างภาพ คือ fastwork.co ลองหาผู้ช่วยดีๆ ได้จากที่นี่ได้เลยครับรับรองว่าราคาไม่แพงเกินไป[/box]
จะเห็นได้ว่า แต่ละวิธีการอัพสกิล ล้วนต้องใช้เงินทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการอัพเกรดอุปกรณ์ หรือการจ้างงานจากภายนอก ทำให้ช่างภาพต้องใช้เงินทุนเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น เมื่อช่างภาพถ่ายภาพไปสักพัก จะรู้ว่าควรตั้งราคาประมาณเท่าไร เพื่อให้เกิดความเหมาะสม หากช่างภาพต้องการเพิ่มราคาสูงกว่าท้องตลาด จำเป็นต้องมีจุดขายเฉพาะของตน เช่น ช่างภาพคิวทอง มีสไตล์การถ่ายภาพ portait เป็นของตัวเอง จัดแสงเก่ง ซึ่งที่กล่าวมา ช่างภาพจำเป็นต้องเพิ่มความชำนาญของตนเองให้มากขึ้นทุกๆ วัน แต่ค่าจ้างจะแพงหรือไม่นะ ถ้าคุณมีความสุข และอยู่ได้ ผมว่ามันก็คุ้มแล้วครับ ^_^
credit ภาพ : https://www.pexels.com/