Written by ในปัจจุบัน คอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ๆ ต่างก็มาพร้อมกับ USB พอร์ท 3.0 ได้เป็นเวลาหลายปีแล้ว แต่คำถามคือ USB 3.0 เหล่านั้นมีความเร็วเท่าไร? คุณจะเห็นการปรับปรุงแบบก้าวกระโดดหรือไม่ หากทำการอัพเกรด USB 2.0 ตัวเก่าของคุณ?
อุปกรณ์ที่มี USB 3.0 ยังสามารถทำงานได้บนพอร์ตเดิมที่ใช้สำหรับ USB 2.0 เพียงแต่ความเร็วจะยังคงเท่ากับ USB 2.0 ซึ่งข้อเสียข้อเดียวของอุปกรณ์ที่มี USB 3.0 นั่นก็คือ มันมีราคาแพงกว่านั่นเอง
การปรับปรุงความเร็วในทางทฤษฎี
USB คือมาตรฐานและกำหนดความเร็วของการส่งสัญญาณสูงสุดที่ใช้ในการสื่อสารระหว่างพอร์ตของ USB ซึ่งมาตรฐานของ USB 2.0 นั้นจะให้อัตราการส่งสัญญาณสูงสุดในทางทฤษฎีเท่ากับ 480 เมกะบิตต่อวินาที ในขณะที่ USB 3.0 จะให้อัตราการส่งสัญญาณสูงสุดเท่ากับ 5 จิกะไบต์ต่อวินาที หรือจะกล่าวได้ว่า USB 3.0 นั้น จะมีความเร็วมากกว่า USB 2.0 ถึง 10 เท่าในทางทฤษฎี
หากการเปรียบเทียบสิ้นสุดเพียงแค่นี้ การอัพเกรดเป็น USB 3.0 จะไม่มีอุปสรรคเลย เพราะใครเล่าจะไม่อยากได้ USB ที่มีความเร็วมากกว่าถึง 10 เท่า?
ในความเป็นจริง มาตรฐานที่กำหนดไว้นั้น เป็นเพียงแค่การกำหนดอัตราการแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านพอร์ต USB เท่านั้น แต่อุปกรณ์ก็ยังคงมีคอขวดอื่นๆด้วย เช่น USB อาจจะถูกจำกัดโดยความเร็วของหน่วยความจำแฟลช (Flash memory) ของตัวมันเอง
หากคุณยังไม่แน่ใจว่าคุณมีพอร์ต USB 3.0 หรือไม่ คุณแค่ลองดูที่พอร์ต USB ของคุณ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว พอร์ตที่รองรับ USB 3.0 นั้นจะมีสีฟ้าอยู่ด้านใน ในปัจจุบัน มีคอมพิวเตอร์มากมายที่มีทั้ง USB แบบพอร์ต 2.0 และ 3.0 ซึ่งในรูปด้านล่าง พอร์ตทางซ้ายคือ USB 2.0 ในขณะที่พอร์ตทางขวาคือ USB 3.0
การเปรียบเทียบในโลกของความเป็นจริง
ตอนนี้ ให้ลืมทฤษฎีไปก่อน แต่เราจะมาดูว่า USB 3.0 นั้น สามารถทำงานจริงได้อย่างไร หรือคำถามคือ แฟลชไดร์ฟแบบ USB 3.0 จะมีความเร็วมากกว่า USB 2.0 อยู่เท่าไร? แต่ให้นึกไว้เสมอว่า ความเร็วนั้นขึ้นอยู่กับตัวไดร์ฟด้วย
มีการเปรียบเทียบเพียงไม่มาก แต่อย่างไรก็ตาม การเปรียบเทียบฮาร์ดแวร์ของทอม ในปี 2013 ซึ่งทำการทดสอบ USB 3.0 (Tom’s Hardware’s 2013 test of USB 3.0 thumb) เป็นการทดสอบที่ทำขึ้นได้ไม่นานและมีความครอบคลุมเพียงพอ นอกจากนี้ยังได้ทำการทดสอบ USB 2.0 ซึ่งอยู่ในส่วนล่างสุดของกราฟ โดยพบว่า USB 2.0 มีความเร็วในการเขียนระหว่าง 7.9 MB/s ถึง 9.5 MB/s แต่สำหรับ USB 3.0 มีความเร็วในการเขียนตั้งแต่ 11.4 MB/s จนไปถึง 286.2 MB/s
สิ่งที่น่าสนใจคือ ความผันแปรของความเร็วในการเขียน ซึ่งจะเห็นว่า USB 3.0 ที่แย่ที่สุด จะมีความเร็วมากกว่า USB 2.0 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่สำหรับ USB 3.0 ที่ดีที่สุด จะมีความเร็วมากกว่า USB 2.0 ถึง 28 เท่า
ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจเลย ไดร์ฟที่ช้าที่สุดจึงมีราคาถูกที่สุด ในขณะที่ไดร์ฟที่เร็วกว่า ก็จะมีราคาแพงกว่าตามไปด้วย สำหรับไดร์ฟที่มีความเร็วมากที่สุด ดูเหมือนว่าจะใช้หน่วยความจำแฟลชแบบ ‘4 channels’ แทนการใช้เพียงแค่อันเดียว ซึ่งนั่นทำให้แฟลไดร์ฟแบบนี้มีราคาแพงอย่างเห็นได้ชัด
ราคา
ราคาก็เป็นปัจจัยสำคัญเช่นกัน แฟลชไดร์ฟ USB 2.0 ส่วนใหญ่นั้นจะมีราคาถูกมาก ตัวอย่างเช่น คุณอาจจะหาซื้อแฟลชไดร์ฟ USB 2.0 ที่มีความจุ 8 GB ในราคาต่ำกว่า $10 ได้จากเว็บไซต์ Amazon และเช่นกัน สำหรับความจุ 4GB ก็มักจะหาได้ในราคา $5 เท่านั้น
ในเชิงเปรียบเทียบ แฟลชไดร์ฟแบบ USB 3.0 จะมีราคาแพงกว่ามาก ซึ่งแฟลชไดร์ฟ USB 3.0 ที่เร็วที่สุด ก็ราคาแพงที่สุดเช่นเดียวกัน ซึ่งคุณอาจจะต้องจ่ายด้วยราคาถึง $40 หรือมากกว่านี้ เพื่อที่จะได้เห็นการปรับปรุงแบบก้าวกระโดดของความเร็วแฟลชไดร์ฟก็เป็นได้
คุณต้องถามตัวคุณเองก่อนว่าคุณสามารถจ่ายได้ในราคาเท่าไร และคุณกำลังจะใช้แฟลชไดร์ฟในการทำอะไร? คุณอยากได้เพียงแค่แฟลชไดร์ฟอันเล็กๆ ราคาถูก สำหรับการถ่ายโอนข้อมูลแค่บางครั้งเท่านั้นใช่หรือไม่? ถ้าใช่ ใช้เพียงแค่ USB 2.0 ก็เพียงพอแล้ว แต่ในทางกลับกัน หากคุณต้องใช้แฟลชไดร์ฟบ่อย และให้ความสำคัญกับความเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณต้องถ่ายโอนข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ คุณอาจจะต้องใช้แฟลชไดร์ฟแบบ USB 3.0
พึงระลึกไว้เสมอว่า เพียงเพราะแฟลชไดร์ฟเป็นแบบ USB 3.0 แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะเร็วกว่าอย่างมาก ณ ตอนนี้ Amazon ได้ทำการขายแฟลชไดร์ฟแบบ USB 3.0 ที่มีความจุ 16 GB ในราคาเพียงแค่ $15 เท่านั้น อย่างไรก็ตาม จากรีวิวก็พอจะบอกได้ว่า USB 3.0 มันทำงานด้วยความเร็วที่ใกล้เคียงกับแฟลชไดร์แบบ USB 2.0 ซึ่งในความเป็นจริง คุณอาจจะต้องจ่ายเงินมากกว่านี้เพื่อที่จะได้ความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างแท้จริง
พิจารณาการเปรียบเทียบแต่ละแฟลชไดร์ฟ
แม้ว่า USB 3.0 นั้นจะให้ความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลที่เร็วขึ้นมาก แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกแฟลชไดร์ฟจะสามารถให้ความเร็วแบบเดียวกัน ซึ่งปัจจัยอื่นๆ เช่น ความเร็วของหน่วยความจำแฟลชภายในไดร์ฟ ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก
หากคุณกำลังมองหา USB ไดร์ฟ ที่ดี และรวดเร็ว สำหรับการใช้งานที่ค่อนข้างจริงจัง และไม่ได้ราคาถูกเกินไปเหมือนกับไดร์ฟที่ราคาเพียง $5 คุณควรจะดูการเปรียบเทียบ (Benchmark) การใช้งานล่วงหน้า และค่อยตัดสินใจว่า คุณต้องการความเร็วประมาณเท่าไร อย่าพึ่งเชื่อตัวเลขความเร็วของไดร์ฟที่ผู้ผลิตที่กำหนดมาให้ เนื่องจากผู้ผลิตไดร์ฟ มักจะกำหนดความเร็วมากเกินจริงเพื่อทำให้คุณเข้าใจผิด ดังนั้น คุณควรจะพิจารณาการเปรียบเทียบด้วยตัวคุณเองดีกว่า
พึงระลึกไว้ว่า มีอุปกรณ์เป็นจำนวนมาก ที่ไม่ได้ทำงานเร็วขึ้นเพียงเพราะว่ามันมีพอร์ต USB 3.0 เช่น หากคุณใช้เมาส์และคีย์บอร์ดแบบ USB คุณจะไม่สามารถเห็นการปรับปรุงของความเร็วได้เลย แม้ว่าคุณจะใช้ USB 3.0 ก็ตาม และแน่นอน ในที่สุด USB 3.0 ก็จะเข้ามาแทนที่ และทุกๆ อุปกรณ์ ก็จะใช้ USB 3.0 หรือใหม่กว่าด้วยเช่นกัน ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องผิดอะไรหากจะใช้อุปกรณ์ที่รองรับ USB 3.0 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันสามารถทำงานเข้ากันได้กับอุปกรณ์ก่อนหน้า เพียงแต่มันไม่มีเหตุผลที่จะต้องจ่ายแพงกว่าเท่านั้นเอง เพราะคุณก็ยังสามารถใช้อุปกรณ์ที่ใช้ USB 2.0 ในการต่อเข้ากับพอร์ต USB 3.0 ได้อยู่ดี